สุราษฎร์ธานี – เรือนจำอำเภอไชยา นำผู้ต้องขังทั้งชายและหญิงร่วมแสดงการตีกลองยาวและรำกลองยาว หลังจากได้รับการฝึกฝนทักษะ เพื่อสืบสานประเพณีและเตรียมพร้อมสร้างอาชีพภายหลังพ้นโทษ สามารถนำไปสอนเยาวชนหรือกลุ่มชุมชนเพื่อสร้างรายได้อย่างยั่งยืน
โครงการฝึกวิชาชีพ ตีกลองยาวและรำกลองยาว
ที่เรือนจำอำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี นางสาวสุวิมล แซ่อึ้ง ผู้บัญชาการเรือนจำอำเภอไชยา จัดโครงการฝึกวิชาชีพการตีกลองยาวและรำกลองยาว โดยมี นายพงษ์ศักดิ์ ศรีสวัสดิ์ ปลัดอำเภอ หัวหน้ากลุ่มงานบริหารปกครอง เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยพระครูปลัดวิมลศิริวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดโลการาม ประธานวัฒนธรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี รวมถึงข้าราชการ เจ้าหน้าที่เรือนจำ และผู้เข้ารับการฝึกอบรมร่วมให้การต้อนรับ
มุ่งเน้นสืบสานวัฒนธรรม-คืนคนดีสู่สังคม
นางสาวสุวิมล แซ่อึ้ง ผู้บัญชาการเรือนจำอำเภอไชยา เปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์ได้คัดเลือกผู้ต้องขังที่มีความประพฤติดีและผ่านการฝึกอาชีพในเรือนจำมาระยะหนึ่งให้เข้าร่วมโครงการดังกล่าว โดยมีผู้ต้องขังเข้าร่วมทั้งหมด 42 คน แบ่งเป็นผู้ต้องขังชาย 18 คน ทำหน้าที่ตีกลองยาว และผู้ต้องขังหญิง 24 คน เป็นนางรำ เพื่อให้ผู้ต้องขังได้ฝึกทักษะด้านศิลปวัฒนธรรมและสามารถนำไปต่อยอดเป็นอาชีพภายหลังพ้นโทษ อีกทั้งยังเป็นการสืบสานศิลปะการแสดงกลองยาวแบบฉบับโบราณให้คงอยู่ต่อไป
ฝึกอาชีพเพื่อโอกาสใหม่หลังพ้นโทษ
นายพงษ์ศักดิ์ ศรีสวัสดิ์ ปลัดอำเภอ หัวหน้ากลุ่มงานบริหารปกครอง กล่าวว่าการจัดโครงการฝึกวิชาชีพการตีกลองยาวและรำกลองยาวครั้งนี้ นอกจากช่วยให้ผู้ต้องขังมีโอกาสฝึกฝนและพัฒนาทักษะแล้ว ยังช่วยให้พวกเขาสามารถนำความรู้ไปใช้ในการประกอบอาชีพหลังพ้นโทษ สอดคล้องกับนโยบายของกรมราชทัณฑ์ “คืนคนดี มีคุณค่า สู่สังคม” อีกทั้งยังเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นให้อยู่คู่กับอำเภอไชยาและเป็นมรดกสืบต่อไป
สถานการณ์ปัจจุบันของเรือนจำไชยา
ปัจจุบันเรือนจำอำเภอไชยา มีผู้ต้องขังทั้งหมด 813 คน แบ่งเป็นชาย 737 คน และหญิง 76 คน โดยส่วนใหญ่ต้องโทษในคดียาเสพติด การจัดกิจกรรมฝึกอาชีพเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการพัฒนาผู้ต้องขังให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีคุณภาพ
สรุป
โครงการฝึกวิชาชีพการตีกลองยาวและรำกลองยาวของเรือนจำอำเภอไชยา ถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ช่วยให้ผู้ต้องขังได้รับโอกาสใหม่ พร้อมทักษะที่สามารถนำไปใช้ได้จริงหลังพ้นโทษ อีกทั้งยังช่วยอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทยให้คงอยู่ต่อไป
